กรุณาปิด โปรแกรมบล๊อกโฆษณา เพราะเราอยู่ได้ด้วยโฆษณาที่ท่านเห็น
Please close the adblock program. Because we can live with the ads you see

พลิกแฟ้มคดีดัง...ปิดเขาใหญ่/'/ปล้น/'/...

  • เริ่มกระทู้โดย เริ่มกระทู้โดย A31499
  • วันที่เริ่มกระทู้ วันที่เริ่มกระทู้

A31499

DOE.(รักคนอ่าน..555)
Cefiro-Thailand Members
f96faibb7adhki7hc9kb9.jpg


สองข้างทางถนนสายเขาใหญ่-ปราจีนบุรีเขียวครึ้มไปด้วยผืนป่าสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์รายแล้วรายเล่าใช้เป็นทางผ่านขึ้นไปบนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยไม่เฉลียวใจเลยว่าครั้งหนึ่งเมื่อ 23 ปีก่อน ณ ที่แห่งนี้เคยเกิดเหตุการณ์ปล้นครั้งประวัติศาสตร์มาแล้ว !?!

9 โมงเช้า วันที่ 22 พฤศจิกายน 2529 ต้นฤดูหนาว นักท่องเที่ยวหลายร้อยชีวิตทยอยขึ้นไปพักผ่อนบนเขาใหญ่ มองเห็นรถวิ่งตามกันเป็นขบวนยาวเหยียด โดยเฉพาะช่วงขึ้นเขารถติดดูเหมือนงูกินหางทอดยาวไปตามความคดโค้งของถนน ใกล้ถึงหลักกิโลเมตร 27-28 ต.หินลาด อ.ปากพลี จ.นครนายก โชเฟอร์คันหน้าสุดตกใจเหยียบเบรกตัวโก่ง เมื่อมีต้นไม้ขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลางราว 40-50 เซนติเมตรล้มขวางถนนอยู่ ชายฉกรรจ์ 6-7 คนกรูออกจากสองป่าข้างทางพร้อมอาวุธครบมือ ประกาศเสียงดังลั่นได้ยินไปทั่ว
"หยุด เดินลงมาจากรถ เอาสิ่งของมีค่าลงมาให้หมด แล้วหมอบลงกับพื้น เอากระเป๋าของมีค่าวางไว้บนพื้น อย่าคิดหนีหรือขัดขืน ถ้าไม่อยากตาย"

ทั้งหมดกระจายกันปิดล้อมรถที่เริ่มติดกันเป็นแถวยาวสุดลูกหูลูกตารวมแล้ว 32 คัน เสียงขู่บังคับสลับกับก่นด่าเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจ และข้าราชการท้องถิ่น จับใจความได้ว่าเบียดเบียนกดดันจนไม่มีอาชีพทำกิน เลยต้องปล้น กลุ่มคนร้ายรวบรวมสิ่งของมีค่าจากนักท่องเที่ยวและชาวบ้าน 110 คน ได้ทรัพย์สินมูลค่าราวๆ 3 แสนบาทใส่กระสอบปุ๋ยแล้วฉากหนีเข้าป่าหายไปกับความรกชัฏ

เช้าวันรุ่งขึ้นสื่อโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ นำเสนอข่าวการปล้นอุกอาจครั้งนี้อย่างครึกโครม เพราะไม่เคยมีเหตุการณ์ปล้นลักษณะนี้เกิดขึ้นมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ ท่ามกลางการสืบสวนติดตามหาเบาะแสคนร้ายอยู่นาน 7 เดือน จนหลายคนคิดว่าคงหาผู้กระทำผิดมารับโทษไม่ได้ และอีกหลายคนที่เริ่มลืมเลือนการปล้นครั้งประวัติศาสตร์นี้

ciabcb9g5bfaag6jhaf85.jpg

กระทั่งวันที่ 7 มิถุนายน 2530 สายลับได้นำกล้องถ่ายรูป SLR ซึ่งเป็นกล้องถ่ายรูปของช่างภาพมืออาชีพในสภาพถูกเผาแทบไม่เหลือซากมามอบให้แก่ พ.ต.ต.ปราโมทย์ พานิชย์ตระกูล สวส.สน.พลับพลาไชย 2 เนื่องจากเห็นไม่ชอบมาพากลและสังหรณ์ใจว่า จะเป็นหนึ่งในทรัพย์สินที่ถูกปล้นไปเมื่อเหตุปิดเขาใหญ่ปล้นเมื่อปลายปีก่อน
พ.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น สว.ผ.1 กก.สส.น.ใต้ หนึ่งในทีมสืบสวนตัดสินใจนำหลักฐานชิ้นนี้ไปปรึกษากับ พล.ต.ต.มนัส ครุฑไชยันต์ รอง ผบช.น. เพราะสายต้องการให้ตำรวจจากส่วนกลางทำคดีเองและขอให้เป็นความลับ ไม่อยากให้คนในพื้นที่รู้ว่าได้กล้องมาจากเขา ด้วยกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย พ.ต.ท.กฤษฎา ได้รับไฟเขียวให้ลงพื้นที่ทันที โดย พล.ต.ต.มนัสประสานงานผ่าน พ.ต.อ.โสภณ สะวิคามิน รอง ผบก.ภ.2...วันรุ่งขึ้นสารวัตรมือปราบจากนครบาลนำทีมสืบสวน 7 นาย และสายลับลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ก่อนจะเดินเท้าเข้าไปในป่าทึบไม่ไกลนักเพื่อดูจุดพบกล้องถ่ายรูป

"หลังจากลงพื้นที่สอบถามรายละเอียดจากสายลับบวกกับข้อมูลทีได้มาเชื่อว่า โจรที่ปล้นน่าจะเป็นคนในพื้นที่ มีความชำนาญด้านการเดินป่า เพราะถ้าเป็นคนนอกพื้นที่คงไม่กล้าเอาของที่ปล้นมาหมกไว้ลักษณะนี้" พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.3 เท้าอดีต

96ai6fjb8id85iiedhdha.jpg

การลงพื้นที่หาเบาะแสครั้งนั้น ทำให้ชุดสืบสวนได้รายชื่อผู้ต้องสงสัยถึง 7 ราย สารวัตรมือปราบตัดสินใจปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ สะพายเป้ใส่เสื้อผ้า อาหารพอประทังชีวิต และอาวุธประจำกายเดินบุกป่าฝ่าดงดิบ โดยเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิด เพื่อซุ่มดูพฤติกรรมผู้ต้องสงสัยที่ตั้งรกรากอยู่กลางป่าทึบ บ้านที่สมควรเรียกให้ถูกว่าเพิง เพราะปลูกขึ้นอย่างลวกๆ ไม่มีฝา ตั้งอยู่โดดเดี่ยวห่างกันพอสมควร นอกจากกระทะใบหนึ่งกับหม้ออีกหนึ่งใบแล้ว ไม่มีสิ่งใดบ่งชี้ถึงความเปลี่ยนแปลงด้านความเป็นอยู่ของพวกเขาเหล่านี้เลย เมื่อเฝ้าอยู่ 2-3 วันชุดสืบสวนก็เลิกล้มภารกิจ
พ.ต.ท.กฤษฎาออกจากป่าย้อนกลับไปสืบค้นรายละเอียดจากบันทึกประจำวันของผู้เสียหาย ในที่สุดก็พบข้อมูลน่าสนใจคืออาวุธที่คนร้ายใช้เป็นปืน "เซกาเซ่" และมักพร่ำบ่นถึงคำว่านายทุน ขุนศึก และด่าทอเจ้าหน้าที่รัฐด้วยความชิงชัง จึงพุ่งเป้าไปที่ชาวบ้านหาของป่าที่เกลียดชังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เพราะถูกจับเป็นประจำหรือไม่ก็พวกผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) โดยสังเกตจากอาวุธปืนที่ใช้
การสืบค้นคดีเก่าๆ เริ่มขึ้นอีกครั้งเปรียบเทียบกับพฤติกรรมปิดเขาใหญ่ปล้น กระทั่งพบสิ่งเชื่อมโยงกับคดีปล้นบ้านเจ้าหน้าที่ป่าไม้ใน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี คือ อาวุธปืนและคำด่าทอเจ้าหน้าที่รัฐ !?!
สารวัตรมือปราบเดินทางไป อ.นาดี แต่โชคไม่เข้าข้าง เพราะเจ้าหน้าที่คนที่ว่าย้ายไปอยู่ อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี จึงต้องตามไปอีกที่จนได้พบตัว ข้อมูลที่ได้ทั้งพฤติกรรมและการด่าทอตรงกันกับเหตุปิดถนนปล้นที่เขาใหญ่ จึงโทรศัพท์ไปให้ลูกน้องส่งทะเบียนราษฎร์ผู้ต้องสงสัยมาให้ที่นครนายก
"ผมถามว่าจำหน้าคนร้ายได้ไหม เขาบอกว่าเห็นอีกทีคงจำได้ ตอนนั้นไม่มีโทรศัพท์มือถือ ผมต้องขับรถไปหาตู้โทรศัพท์สาธารณะ ให้ลูกน้องตรวจสอบทะเบียนราษฎร์ผู้ต้องสงสัยทั้งหมด แล้วส่งมาให้ที่ จ.นครนายก" พล.ต.ท.กฤษฎา กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเมื่อเล่ามาถึงจุดนี้




iefda8hee5gkbf5khia57.jpg



รูปถ่ายผู้ต้องทั้ง 7 คนวางเรียงรายอยู่ตรงหน้าสารวัตรกฤษฎาและเจ้าหน้าที่ป่าไม้เหยื่อปล้นครั้งก่อน และได้รับคำยืนยันว่า "บุญรอด คำเที่ยงป้อง" อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 หมู่ 7 ต.สามพันตา อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี หนึ่งในผู้ต้องสงสัยเป็นคนก่อเหตุปล้นบ้านเขา ชุดสืบสวนจึงไปเชิญตัวมาสอบปากคำและเข้าค้นบ้านพัก พบเหรียญทองคำรัชกาลที่ 3 ซึ่งเจ้าทุกข์รายหนึ่งแจ้งว่าถูกปล้นไปเมื่อครั้งปิดเขาใหญ่ปล้น...14 มิถุนายน 2530 ตำรวจออกหมายจับบุญรอดเป็นรายแรก จากนั้นคำรับสารภาพก็พรั่งพรูออกมา
...วันเกิดเหตุปิดเขาใหญ่ปล้น บุญรอดกับน้องชายและเพื่อนบ้านรวม 5 คน ออกตระเวนหาของป่าและไม้หอมบนเขาใหญ่อยู่นาน 10 วัน 10 คืน แต่ไม่ได้อะไรติดมือเลย ระหว่างนั่งพักอยู่ริมถนนเลยชักชวนสมัครพรรคพวกปล้นรถที่วิ่งขึ้น-ลงเขาใหญ่ โดยลงมือตัดต้นไม้ขวางถนนแล้วลงมือปล้นรถคันแรก แต่ที่ขยายไปเป็นการปล้นรถมากถึง 32 คัน สาเหตุเพราะเมื่อรถตู้คันแรกหยุด รถคันอื่นๆ ที่วิ่งตามมาก็หยุดตาม จนจอดติดกันยาวเป็นขบวน พวกเขาเลยตัดสินใจปล้นทั้งหมด จากนั้นก็หนีไปตามร่องน้ำป่าทึบ เดินเท้าอยู่ 4 วันเป็นระยะทางราวๆ 50 กิโลเมตรก็ถึงบ้าน แล้วนำทรัพย์สินที่ได้มาแบ่งกัน ส่วนปืนที่ใช้เป็นของ ผกค.เดิมที่ฝังดินไว้
เมื่อได้ข้อมูล ตำรวจจึงออกหมายจับ บุญส่ง คำเที่ยงป้อง อายุ 25 ปี วิรัตน์ บัวมาก อายุ 21 ปี คำปน กลิ่นพยับ อายุ 25 ปี และ สำราญ บัวแก้ว อายุ 18 ปี กระจายกำลังติดตามจับกุมได้ทีละคนๆ ต่อมามีเจ้าทุกข์ 51 คนทยอยมาชี้ตัว เวลาไล่เลี่ยกันตำรวจทยอยตรวจยึดอาวุธปืนได้อีกหลายกระบอก ได้แก่ อาก้า 2 กระบอก เซกาเซ่ 2 กระบอก เอ็ม 16 และกระสุนปืนชนิดต่างๆ 450 นัด ระเบิดมือ ฯลฯ ส่วนของกลางที่เหลือมีเพียงเหรียญทองคำรัชกาลที่ 3 แหวนนาก วิทยุเทป 2 เครื่อง นาฬิกาข้อมือ 10 เรือน สมุดบัญชีเงินฝากและทะเบียนรถจักรยานยนต์จำนวนหนึ่ง
19 มิถุนายน ปีเดียวกัน พนักงานอัยการยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ศาลจังหวัดนครนายกใช้เวลาพิจารณาเพียง 5 วันก็ตัดสินพิพากษาจำคุกคนละ 30 ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือ 15 ปี

หวิด /'/ร่วง/'/ ก่อน /'/รุ่ง/'/
พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.3 เล่าว่า หลังจากผู้ต้องหารับสารภาพ เขาและ พ.ต.ท.ประมวลศักดิ์ ศรีสมบุญ คุมตัวบุญรอดขึ้นเฮลิคอปเตอร์กองบินตำรวจไปตามไหล่เขามุ่งหน้าช่องเขาขาด บ้านบุขุนชัย ต.ตะพานหิน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เขตติดต่ออุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ค้นหาอาวุธสงครามของกลางและทรัพย์สินที่หลงเหลืออยู่ เฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินได้ 10 กิโลเมตร มีไฟแดงโชว์ที่หน้าปัดนักบิน พร้อมเสียงเครื่องยนต์คำรามผิดปกติ นักบินแจ้งว่าเครื่องขัดข้อง ต้องลงจอดฉุกเฉิน เล่นเอาทีมนักสืบและผู้ต้องหาต่างพากันเงียบกริบ ใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ กระทั่งสกีแตะพื้นจึงพากันถอนหายใจโล่งอก...:coolly-0023:

เครดิต
http://www.komchadluek.net/detail/20090704/19296/ปิดเขาใหญ่ปล้น.html
 
แก้ไขล่าสุดเมื่อ:


อืมมมม...ปล้นครั้งประวัติศาสตร์สินะ
 
เกิดไม่ทัน:coolly-0033:
แต่เอาเรื่องแบบนี้มาเล่าให้ฟังบ่อยๆนะชอบมาก
 
เพ่โด มีเรื่องเก่าๆมาเรื่อยเลยนะคับ.....อ่านเพลินกันไป
 
ก็ทันแต่ขอไปค้นปรัวัติศาสตร์ดูก่อน ครับคร้ายครับคราอยู่เหมือนกัน:coolly-0003:
ว่าแต่คนเล่าเรื่องนี่สิ :coolly-0043:
 
ก็ทันแต่ขอไปค้นปรัวัติศาสตร์ดูก่อน ครับคร้ายครับคราอยู่เหมือนกัน:coolly-0003:
ว่าแต่คนเล่าเรื่องนี่สิ :coolly-0043:
เจ้าถิ่นมาเองเลย....:coolly-0034:
 
ชอบคับ..เล่าเรื่องมันดีคับ..ให้ 5 กระโหลกคับ:coolly-0044::coolly-0044:
 
คนเล่าเรื่องน่าจะเป็น พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น เป็น ผบช.ภ.3 ในสมัยนั้นครับ

ผิดพลาดไปขออภัย
 
อืม...ประวัติศาสตร์อีกเรื่องที่ไม่เคยผ่านสมองมาก่อน:coolly-0022:
 

กรุณาปิด โปรแกรมบล๊อกโฆษณา เพราะเราอยู่ได้ด้วยโฆษณาที่ท่านเห็น
Please close the adblock program. Because we can live with the ads you see
ด้านบน