ยินดีต้อนรับ!

กลุ่มเล็กๆ ของคนรักรถ Nissan Cefiro A31 กลุ่มเล็กๆ ที่รวมตัวพี่น้อง ผองเพื่อน มา 10 ปีเต็ม กลุ่มเล็กๆ ที่อบอุ่น ไปด้วยเพื่อน พี่ น้อง รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ กลุ่มเล็กๆ ที่อยากบอกพี่น้อง ผอง เพื่อนว่า มาเจอกับพวกเราซักครั้ง แล้ว.... คุณจะติดใจ.

SignUp Now!
กรุณาปิด โปรแกรมบล๊อกโฆษณา เพราะเราอยู่ได้ด้วยโฆษณาที่ท่านเห็น
Please close the adblock program. Because we can live with the ads you see

Ootoya อาหารญี่ปุ่นรสมือแม่

katip

Registered
LV
0
 
Ootoya-01.jpg


Ootoya-05.jpg


เมื่อพูดถึงอาหารญี่ปุ่น คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงซูชิ ซาชิมิก่อนที่จะนึกถึงอาหารที่ดูธรรมดาอย่าง ทงคัตสึ ปลาย่าง และดงบุริต่างๆ แต่จริงๆ แล้วอาหารประเภทหลังนี่แหละที่เป็นอาหารที่คนญี่ปุ่นกินกันในชีวิตประจำวัน และเป็นอาหารที่บรรดาแม่บ้านญี่ปุ่นจะทำให้ลูกและสามีกินทุกเช้าและทุกเย็น บ้างก็ห่อเป็นข้าวกล่องไปให้กินเป็นอาหารกลางวันด้วย เป็นอาหารรสมือแม่ที่ไม่ได้เน้นความหรูหรา แต่เน้นที่ความพิถีพิถันใส่ใจในทุกขั้นตอนการทำ และต้องมีสารอาหารครบ 5 หมู่ เพื่อสุขภาพของคนในบ้าน

ในเมืองไทยร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีอาหารญี่ปุ่นรสมือแม่แบบนี้ให้กิน อาจจะดูเหมือนมีอยู่หลายร้าน แต่ถ้าจะดูว่าร้านไหนที่มีรสชาติแบบญี่ปุ่นแท้ และเหมือนรสมือแม่บ้านชาวญี่ปุ่นที่สุด ให้ดูว่าร้านนั้นมีคนญี่ปุ่นเข้าไปนั่งกินรึเปล่า ถ้ามีคนญี่ปุ่นแท้ๆ เข้าไปนั่งกิน ให้มั่นใจได้เลยว่า ร้านนั้นอร่อย และเป็นรสชาติแบบญี่ปุ่นแท้แน่นอน

http://www.wongnai.com/articles/ootoya
 


และ "Ootoya" ก็เป็นหนึ่งในร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีรสชาติพิถีพิถันเหมือนรสมือคุณแม่ชาวญี่ปุ่นที่ทำอาหารอร่อยๆ เตรียมไว้ให้ลูกกับสามี จะเห็นได้จากคนญี่ปุ่นแท้ๆ มักจะมานั่งกินอาหารที่ "Ootoya" กันอยู่เป็นประจำ อาจเพราะรสชาติของอาหารทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนได้กลับไปกินข้าวฝีมือแม่ที่บ้านก็เป็นได้

อาหารของ "Ootoya" อาจดูหน้าตาเหมือนกับอาหารของร้านอาหารญี่ปุ่นร้านอื่น แต่เมื่อได้กินดูแล้ว จะรับรู้ได้ถึงความแตกต่าง เพราะเลือกใช้แต่วัตถุดิบดีๆ เช่น เนื้อหมูและไก่ของยี่ห้อที่มีชื่อเสียงในเรื่องการควบคุมคุณภาพการผลิต ทำให้ไว้ใจได้ว่าเป็นเนื้อไก่และหมูเกรดดี ไม่เป็นโรค และชิ้นหนานุ่ม ปลอดสารปฏิชีวนะต่างๆ รวมทั้งจะมีการสั่งอาหารสดมาใช้วันต่อวัน ไม่มีการสต็อกเอาไว้หลายๆ วันจนอาหารเสื่อมคุณภาพ ดังนั้นหากลูกค้าเข้าร้านเยอะกว่าปกติ หรือการคาดการณ์การใช้ของสดในครัวผิดพลาด ของก็อาจจะขาดไปบ้าง ดังที่ลูกค้าบางคนอาจจะเคยพบว่า บางเมนูของหมด นั่นก็เป็นเพราะว่าร้าน "Ootoya" ไม่สต็อกของไว้ครั้งละนานๆ นั่นเอง

Ootoya-17.jpg


Ootoya-19.jpg


และนอกจากจะพิถีพิถันในการเลือกวัตถุดิบแล้ว ยังพิถีพิถันในขั้นตอนการทำอีกด้วย เช่น เมนู "ปลาแซลมอนย่างถ่าน" (แบบ set ราคา 280 บาท / แบบ A la carte ราคา 220 บาท) ที่จะใช้เฉพาะถ่านจากไม้ยูคาลิปตัสเท่านั้น ด้วยเหตุผลในการรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะต้นยูคาลิปตัสเป็นต้นไม้ที่ปลูกเพื่อการเกษตรอยู่แล้ว ไม่ใช่การตัดไม้จากธรรมชาติมาทำเป็นถ่าน และถ่านจากไม้ยูคาลิปตัส จะมีรังสีอินฟาเรดช่วยให้หนังปลากรอบ โดยที่เนื้อข้างในยังคงความนุ่มอยู่ ซึ่งเมนูย่างทุกเมนูของ "Ootoya" จะใช้เตาย่างถ่านทั้งหมด เพื่อให้ได้กลิ่นหอมหวนชวนกินของเตาถ่าน และปลาแซลมอนย่างเตาถ่านนี้ จะเสิร์ฟมาพร้อมกับเครื่องเคียงสองอย่างที่ไม่ค่อยเห็นร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์นี้ร้านไหนมี นั่นคือ "หัวไชเท้าบดละเอียด" ที่ต้องกินสดๆ ภายใน 5 นาทีที่ทำเสร็จ เพื่อคุณประโยชน์สูงสุดในการกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย และ "สาหร่ายฮิจิคิต้มซอส" สาหร่ายสีดำกรุบกรอบต้มกับซอสให้รสชาติออกเค็มๆ หวานๆ รองด้านล่างด้วยสาหร่ายวากะเมะ กินแกล้มกับปลาแซลมอนย่างหอมๆ ยิ่งเข้ากัน

Ootoya-22.jpg


ส่วนเมนูที่หลายๆ คนถึงขั้นทดลองกินจากหลายๆ ร้านเพื่อเปรียบเทียบรสชาติความอร่อย ว่าร้านไหนจะเด็ดกว่ากัน คือ "หมูทงคัตสึ" (แบบ Set ราคา 250บาท / แบบ A la carte ราคา 190 บาท) ซึ่ง "หมูทอดทงคัตสึ" ที่ "Ootoya" ก็อร่อยเด็ดไม่แพ้ที่ไหน เริ่มตั้งแต่หมูที่ใช้ของ S-pure ที่มั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพ เพราะเป็นหมูที่ปลอดสารต่างๆ ที่สำคัญคือเนื้อหนานุ่มมากๆ ยิ่งที่ "Ootoya" ใช้หมูทั้งชิ้น ไม่มีการหั่น หรือสไลด์เลย ก็ยิ่งทำให้เวลากัดลงไปในเนื้อหมูแล้ว นุ่มจมเขี้ยวสุดๆ บวกกับเกล็ดขนมปังสดที่ต้องเอาไปตากให้แห้งก่อนจะนำมาชุบหมู และการทอดโดยมีการจับเวลาให้หมูสุกได้ที่ และเอาขึ้นมาสะเด็ดน้ำมันก่อนเสิร์ฟให้ลูกค้า เลยทำให้ได้หมูทงคัตสึที่ด้านนอกกรอบไม่อมน้ำมัน และด้านในเนื้อแน่น หนานุ่มเต็มคำ แล้วยิ่งอร่อยมากขึ้น เมื่อเอาไปจิ้มกับน้ำซอสสูตรพิเศษที่รสชาติเปรี้ยวโดดเด่น ช่วยตัดความเลี่ยนของอาหารทอดได้ดี หรือถ้าอยากเพิ่มความหอมให้น้ำซอสอีกนิด ก็บดงาในเซ็ตผสมลงไปคนให้เข้ากันด้วยก็ได้ จะได้รสชาติเปรี้ยวๆ ที่มีกลิ่นและรสของงาผสมอยู่ด้วย อร่อยไปอีกแบบ

http://www.wongnai.com/articles/ootoya
 
Ootoya-08.jpg


หรือถ้าชอบหมูทงคัตสึ แต่อยากกินแบบชุ่มฉ่ำน้ำซอส ก็ต้องสั่ง "คัทสึโทจิ" (แบบ Set ราคา 260บาท / แบบ ราคา A la carte 200 บาท) เป็นหนึ่งในเมนูขายดีประจำ "Ootoya" เลยทีเดียว รสชาติน่าจะถูกปากเด็กๆ ด้วย เพราะเป็นหมูทงคัตสึชิ้นใหญ่ตุ๋นอยู่ในน้ำซอสชุ่มฉ่ำและไข่ ตอนเสิร์ฟจะเดือดปุดๆ มาเลย หอมเย้ายวนและรสชาติเข้มข้นมากๆ กินเปล่าๆ ก็อร่อย เข้มข้น หรือจะกินกับข้าวก็เข้ากันดี

Ootoya-12.jpg


แต่ถ้าใครอยากกินอะไรเบาๆ เน้นผักเยอะๆ น่าจะชอบเมนู "สลัดไก่ย่างถ่านซอสเบซิล" (แบบ Set ราคา 250 บาท / แบบ ราคา A la carte 190 บาท) ไก่เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ เพราะตอนย่างจะต้องมีการควบคุมอุณหภูมิให้พอเหมาะ พนักงานต้องใช้เครื่องวัดอุณหภูมิตรวจดูอุณหภูมิของอาหารอยู่ตลอด ว่าความร้อนอยู่ในอุณหภูมิที่พอเหมาะหรือยัง ด้วยเหตุนี้เนื้อไก่ย่างจึงนุ่มละมุน หนังไก่บางกำลังดี ยิ่งราดซอสเบซิลสูตรเฉพาะของ "Ootoya" และเสิร์ฟพร้อมสลัดผักสดๆ ที่มีทั้งกะหล่ำปลีซอย มิซูนา มะเขือเทศ และหัวไขเท้า พร้อมไข่ต้ม ก็ยิ่งอร่อย จะสั่งมากินเปล่าๆ ก็อิ่มกำลังดี หรือจะสั่งเป็นเซ็ตก็ได้ จะได้ซดน้ำซุปมิโสะให้ชื่นใจด้วย

ทุกเมนูที่เป็นเซ็ตของ "Ootoya" จะมี Side Dish มาให้ครบเซ็ต ทั้งข้าว ซุปมิโซะ ออร์เดิฟผัก และผักดอง ซึ่งข้าวของ "Ootoya" เม็ดจะมันเงาและเรียงตัวสวยมาก เพราะใส่สาเกลงไปนิดหน่อยเพื่อให้ข้าวหอมและขึ้นเงา ซึ่งถ้าสั่งเป็นเซ็ต ก็สามารถเติมข้าวฟรีได้ตลอดอีกด้วย ส่วนซุปที่มีอยู่ในเซ็ต ก็ไม่ใช่แค่ซุปเต้าเจี้ยวที่ใส่วากาเมะแบบที่อื่นเท่านั้น แต่ซุปมิโซะของ "Ootoya" เป็นซุปที่อุดมไปด้วยผักนานาชนิด ทั้งแครอต หัวไชเท้า เผือก และเพิ่มรสชาติด้วยหมูสามชั้นอีกนิดหน่อย ที่พิเศษกว่าอะไรทั้งหมด คือ "สลัดผัก" เพราะที่ "Ootoya" มีความพิถีพิถันบางอย่างที่คนกินอาจจะนึกไม่ถึง นั่นคือการเก็บผักเอาไว้ที่อุณหภูมิ 5 องศา ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ผักจะนอนหลับ ช่วยให้ผักยังสด กรอบและหวาน ซึ่งพนักงานในครัวจะต้องคอยเดินไปวัดอุณหภูมิอย่างสม่ำเสมอทุกชั่วโมงและจดเป็นตารางเอาไว้ เพื่อคงอุณหภูมิ 5 องศาไว้ตลอดเวลา จึงได้ผักสดๆ มาเป็นเครื่องเคียงให้สารอาหารครบ 5 หมู่

Ootoya-30.jpg


Ootoya-26.jpg


มาถึงของหวานสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ที่แม้หน้าตาอาจจะดูธรรมดาๆ ไปหน่อย แต่รสชาติและคุณค่าทางอาหารนั้นเต็มสิบ ลองเมนูพุดดิ้งน้ำเต้าหู้ "บรามันเจะผสมน้ำเต้าหู้" (ราคา 80 บาท) ที่หน้าตาและสีสันอาจดูไม่น่าสนใจ แต่รสชาตินุ่มนวลละมุนละไมลิ้นสุดๆ เพราะเป็นพุดดิ้งที่เกิดจากการเอาน้ำเต้าหู้ไปผสมกับนม วิปครีม และเจลาติน จนได้ขนมหน้าตาเหมือนเต้าหู้สีขาวๆ นุ่มๆ ก่อนเสิร์ฟจะโรยหน้าด้วยผงถั่วเหลือง พร้อมน้ำเชื่อมน้ำตาลทรายแดง ส่วนเมนูขนมเย็นๆ ชื่นใจสไตล์คนญี่ปุ่น ก็คงหนีไม่พ้น "ไอศกรีมชาเขียวในน้ำเต้าหู้" (ราคา 100 บาท) เป็นไอศกรีมชาเขียวรสชาติหวานนุ่ม มีกลิ่นและรสของของชาเขียวนิดๆ ติดปลายลิ้นมาด้วย เสิร์ฟในน้ำเต้าหู้ พร้อมถั่วแดงกวน วุ้นชาเขียว และแป้งโมจิ อร่อยหวานๆ เย็นๆ กินแล้วชื่นใจ เป็นการปิดท้ายมื้ออาหารได้อย่างลงตัว ครบถ้วนทัังสารอาหาร 5 หมู่ และความอร่อย

แม้บางคนอาจจะคิดว่าอาหารของญี่ปุ่นแท้ๆ เช่นที่ "Ootoya" รสชาติไม่ค่อยจัดเท่าไหร่ ไม่ถูกปากคนไทยที่ชอบรสชาติจัดๆ แต่ความจริงแล้ว การที่อาหารญี่ปุ่นบางอย่างมีรสชาติอ่อนๆ เป็นเพราะคนญี่ปุ่นนั้นไม่ค่อยนิยมการปรุงรสจนกลบรสชาติที่แท้จริงของอาหารไปจนหมด และด้วยเหตุนี้แต่ละเมนูจึงมีเครื่องเดียงเป็นผักดอง ผักต้ม สาหร่ายต้มซีอิ๊ว และอื่นๆ เพื่อให้ได้รสชาติที่หลากหลายขึ้นนั่นเอง

ถ้าเป็นคนชอบอาหารญี่ปุ่นแบบที่คนญี่ปุ่นกินกันจริงๆ ตามบ้าน "Ootoya" ก็เป็นร้านที่ควรมาร์คไว้ในใจ

Ootoya Central World

ที่อยู่ : Central World ชั้น 7 ลุมพินี ,ปทุมวัน , กรุงเทพมหานคร

โทร : 02-613-1371,026131371

http://www.ootoya.co.th

http://www.wongnai.com/articles/ootoya
 

กรุณาปิด โปรแกรมบล๊อกโฆษณา เพราะเราอยู่ได้ด้วยโฆษณาที่ท่านเห็น
Please close the adblock program. Because we can live with the ads you see
ด้านบน